แอดมินได้ลองวิ่งกับรองเท้าคู่นี้มากว่า 100 กิโลเมตรแล้ว ทั้งวิ่งซ้อม ไปจนถึงลงระยะมาราธอน ความรู้สึกกับรองเท้าคู่นี้จะเป็นยังไง เดี๋ยวแอดจะเล่าให้ฟัง
ครั้งแรกที่แอดหยิบเจ้า Tarther Japan ขึ้นมา ก็ต้องอุทานขึ้นมาในใจว่า ‘เห้ย…มันเบามาก’ มันเบากว่าที่คิดไว้พอควรเลยทีเดียว สมแล้วที่เป็นรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อใช้ลงสนามแข่ง (Racing Shoes) ตัวท๊อปๆของ Asics และนี้ก็เป็น Tarther Japan คู่แรกของแอดเลยฮะ เพราะแต่ก่อนไม่ใช่ว่าจะหากันมาได้ง่ายๆ ต้องหิ้วกันมาจากญี่ปุ่น แต่ตอนนี้ที่ไทยมีขายแล้วนะเออ
มาไล่ดูกันทีละส่วน
Upper : วัสดุหลักที่ใช้ก็จะเป็นผ้า mesh ที่โปร่งเบาดู minimal ระบายอากาศได้ดี ส่วนของ Toe box ค่อนข้างใหญ่ทำให้เท้ามีความเป็นอิสระ ตัวเชือกผูกรองเท้าทำจากฝ้ายผูกแล้วแน่นกระชับกว่าพวกไยสังเคราะห์ไม่หลุดระหว่างวิ่งแน่นอน แต่ฝ้ายเองก็จะอมน้ำ และอาจเหม็นอับได้ง่าย ส่วน collar ตรงส้นก็บุฟองน้ำมาให้พอนุ่มๆ กระชับดี ภายนอกของ upper ยังมีส่วนที่บุด้วยหนังกลับทำให้ดูหรูดูแพง แอดก็ไม่อยากให้เลอะให้เปรอะตอนวิ่งแอดเลยก็ต้องระวังๆหน่อย 55
Midsole : วัสดุหลักยังคงเป็นโฟม SpEVA ชิ้นเดียวเต็มฝ่าเท้า ให้ความรู้สึกแน่น เด้ง โดยในส้นเท้าได้มีการฝัง Gel Capsule ไว้ช่วยซับแรง และตรงกลางเท้าได้เสริมด้วยแผ่นพลาสติกที่ช่วยให้ลงเท้าได้มั่นคงขึ้น
Outsole : ในส่วนของฝ่าเท้าด้านหน้าจะเป็นแผ่น Polyurethane ที่ Asics ใช้ชื่อว่า DuoSole ขึ้นรูปโดยจุดที่สัมผัสพื้นเป็นจุดรูปสามแฉก มีความแข็งพอสมควร ช่วยเกาะพื้นและสามารถส่งแรงถีบได้อย่างดี ส่วนส้นก็เป็นยาง AHAR ที่ดูทนทาน
จากที่แอดได้พาเจ้าคู่นี้วิ่งมาสักพักใหญ่ๆ ทั้งวิ่งซ้อม ทั้งลงสนามมาราธอน รู้สึกว่าเจ้า Tarther Japan นี่เหมาะกับนักวิ่งที่ขาค่อนข้างแข็งแรง (นักวิ่งมือใหม่อาจไม่เหมาะ) ด้วยความที่ Midsole มีความแน่นทำให้ต้องใช้กล้ามเนื้อขาเยอะ ครั้งแรกที่แอดได้ลองวิ่งกลับมาก็จะเมื่อยๆน่องหน่อย แต่พอครั้งที่สองที่สามกล้ามเนื้อเริ่มเคยชิน ทำให้วิ่งสนุกขึ้นมาก เรียกได้ว่าชอบเลยแหละ การเร่งฝีเท้าทำความเร็วก็ทำได้อย่างมั่นใจด้วยพื้นรองเท้าที่ยืดหยุ่น และยึดเกาะดีมาก
ภาพรวมแอดว่าเหมาะกับนักวิ่งที่วิ่งมาได้ระยะนึงแล้ว และวันไหนอยากวิ่งทำความเร็วอยากซิ่ง วิ่ง Tempo / Interval ก็จัดเจ้า Tarther Japan นี่ได้เลย ถ้าวิ่งจนชินเท้าแล้วเอาไปลง half ลง full เลยก็ทำได้
หาซื้อกันได้แล้วที่ประเทศไทย ไม่ต้องหิ้วจากญี่ปุ่น ราคาตอนนี้อยู่ที่ 5,200 บาท ลดราคาลงมาจากตอนเปิดตัวที่ 6,500 บาทแล้วนะเออ ใครอยากได้ก็จัดเลยฮะ